ในสถานการณ์ปัจจุบันที่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ยังคงรุนแรง การทำงานแบบ Work from Home ถือเป็นวิถีที่ทุกบริษัทต้องนำไปปรับใช้ ซึ่งพนักงานส่วนใหญ่ก็ติดใจอยากให้ทำงานที่บ้านแบบนี้ไปตลอด แต่สำหรับคนเป็นหัวหน้า หรือเจ้าของธุรกิจ จะมองว่าการทำงานแบบ Work from Home ไม่ทำให้เกิด Productivity ที่ดีพอต่อการขับเคลื่อนบริษัท ซึ่งด้วยเหตุนี้เอง จึงเป็นโอกาสของพนักงานทุกคนในการเติบโต โดยแนวทางการทำงานจากที่บ้านให้เกิด Productivity จนฉายแววแจ้งเกิดเป็น Super Star Work From Home ประจำองค์กรนั้น ทำได้ง่าย ๆ ดังต่อไปนี้
1.Do Your Work ทำงานด้วยความตั้งใจ
ด้วยเพราะการ Work from Home เป็นการทำงานแบบที่ไม่มีใครมาคอยกำกับ ไม่ต้องแต่งตัว ทำงานได้จากบนเตียงนอน และวนเวียนอยู่แต่กับห้องแคบ ๆ จึงทำให้เหนื่อย เบื่อ เซ็งล้า เกิดความขี้เกียจได้ง่าย ดังนั้น สิ่งสำคัญแรกสุดที่เราต้องทำให้ได้ เพื่อการจะแสดงความโดดเด่นที่แตกต่าง
ก็คือ การปรับตัวให้ทำงานได้เหมือนเดิมแบบที่เราเคยทำปกติที่ออฟฟิศ ใส่ความตั้งใจลงไปในงาน ไม่อ่อนไหวโอนอ่อนไปกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปแบบไร้กฎระเบียบ ซึ่งเมื่อเราคงความกระตือรือร้นในการทำงานได้เหมือนเดิม ในขณะที่พนักงานคนอื่นย่อหย่อนความตั้งใจในการทำงานลง การทำงานของเราก็จะโดดเด่นและถูกเห็นความตั้งใจได้ง่ายมากขึ้น
2.จัดตารางการทำงานให้เป็นระเบียบ
ตารางงานในการคุยกับหัวหน้า ตารางงานที่ต้องประชุมงานกับลูกน้อง กับเพื่อนร่วมงาน และตารางการทำงานของตัวเองตามลำดับความสำคัญเร่งด่วนก่อนหลัง คือสิ่งที่ต้องเขียนกำหนดไว้อย่างชัดเจน เพราะการทำงานแบบ Work from Home ไม่มีใครคอยมากำกับ เราจึงต้องกำกับดูแลตัวเองเพื่อกระตุ้นให้เกิดการทำงานอย่างมีวินัยสม่ำเสมอ
ไม่ใช่เพียงแค่เข้าประชุมออนไลน์แล้วกล่าวทักทายสวัสดีบอกลาเฉย ๆ แต่เราต้องนำตารางงานที่ทำ มานำเสนอและดำเนินการตามกำหนดเวลาด้วย เช่น นัดเวลากับหัวหน้าให้ชัดเจนทุกวันพฤหัส บ่าย 3 โมง ว่าจะเข้าอัพเดทการทำงานและนำเสนอแผน เป็นต้น การทำแบบนี้จะแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของเราที่มีต่องานอย่างเต็มที่
3.รายงานผลลัพธ์ในการทำงานให้ทุกคนทราบ
เมื่อกำหนดตารางการทำงานชัดเจนแล้ว เราต้องนำเสนอผลงาน และแผนงานให้ชัดเจนด้วย ให้ทุกคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวหน้าได้รับรู้ว่า เราทำอะไรบ้าง มีผลงานอะไรบ้าง เช่น เราจัดไฟล์งานเรียบร้อยแล้ว เราทำข้อมูลนำเสนอส่งลูกค้าเรียบร้อยแล้ว เราเขียนแผนประหยัดงบประมาณให้บริษัทเสร็จแล้ว เราทำงบประมาณสำหรับโปรเจคที่ได้รับมอบหมายเรียบร้อยแล้ว เป็นต้น
ทั้งนี้ เมื่อรายงานผลลัพธ์ของการทำงานให้ทราบแล้ว ก็ต้องไม่ลืมที่จะแจ้งให้ทราบด้วยว่า แผนงานขั้นต่อไปของเราคืออะไร จะทำอะไรอย่างไร กับใครต่อ และมีกำหนดระยะเวลาในการทำงานแล้วเสร็จเมื่อไร การรายงานผลลัพธ์และแผนงานอย่างต่อเนื่องเหล่านี้ จะแสดงถึงความตั้งใจ ความกระตือรือร้น แสดงให้เห็นว่าเราทำงานจริง มีความรับผิดชอบ มี Accountability ที่มุ่งมั่นจะทำงานให้ดีอย่างเต็มที่ แม้จะทำงานจากที่บ้านก็ตาม
4.แสดงตัวตนอย่าหลบหลังกล้อง
แม้คำกล่าวที่ว่า จงทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย ไม่มีใครอยากเห็นเราเด่นเกิน จะเป็นความจริงในวิถีการทำงาน แต่ถ้าเราต้องการเติบโตในอาชีพ เราก็จำเป็นต้องมีตัวตน และทำให้ทุกคนได้เห็นศักยภาพในตัวเราให้ได้มากที่สุด ซึ่งการทำงานแบบ Work from Home นั้น ทุกครั้งในการประชุมออนไลน์ คือโอกาสที่ดีที่สุด
ดังนั้น เราจึงควรเปิดกล้องวีดีโอทุกครั้ง พูดคุยทักทายสวัสดี ถามคำถาม ถามสารทุกข์สุขดิบทุกคน รวมถึงควรแสดงความคิดเห็น ไอเดีย นำเสนอผลงานและแผนงานต่าง ๆ ด้วย เพราะหากไม่พูด ไม่ออกกล้อง เราอาจกลายเป็นคนที่ถูกลืม และถูกมองว่าไม่มีผลงาน ไม่ตั้งใจทำงานได้
ยิ่งถ้าหัวหน้าไปตรวจสอบดูแล้วว่าเราได้รับผลตอบแทนสูงกว่าคนอื่น ที่แสดงตัวตนแสดงผลงานได้โดดเด่นมากกว่า ก็มีโอกาสถูกพิจารณาให้ออกได้ ถ้าบริษัทตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ หรือในแง่ของการประเมิน เราก็จะถูกประเมินต่ำกว่าเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ ที่แสดงตัวตนและผลงานของเขาได้อย่างชัดเจนมากกว่า
5.เรียนรู้มารยาทในการประชุมออนไลน์
ถือเป็นเรื่องสำคัญขั้นพื้นฐานที่ต้องเรียนรู้ โดยเราต้องรู้จักเลือกเสื้อผ้า แต่งกายให้เหมาะสม ต้องรู้จักการมองไปที่กล้อง การวางตัว การจัดพื้นที่ห้องในการประชุมออนไลน์ให้มีความเรียบร้อย รู้กาลเทศะ ที่สำคัญคือ ต้องจัดการเสียงดังรบกวนแวดล้อม หรือ Background Noise ให้ดี ไม่ให้เวลาที่ประชุมพูด หรือเวลาที่เรานำเสนองาน ไม่มีเสียงดังรบกวนเข้าไปในที่ประชุม ซึ่งมารยาทต่าง ๆ เหล่านี้ ถ้าเราดูแลใส่ใจอย่างดี ก็จะส่งผลทำให้ภาพลักษณ์ของเราดูดี ดูน่าประทับใจแก่ทุกคนที่พบเห็นและได้ร่วมงานกับเรา
แม้จะเป็นในช่วงเวลาที่ย่ำแย่ แต่ก็ยังมีโอกาสดี ๆ ซ่อนอยู่เสมอ 5 แนวทางการทำงานในช่วง Work from Home นี้ ถือเป็นวิถีการทำงานธรรมดา ๆ ที่หลายคนมองข้ามไป ไม่ให้ความสำคัญ แต่ถ้าหากเรานำมาประยุกต์ปฏิบัติปรับใช้อย่างสม่ำเสมอแล้วล่ะก็ จะช่วยผลักดันตัวเราให้โดดเด่น และกลายเป็นพนักงานที่มุ่งมั่นตั้งใจมากขึ้นได้ในสายตาของหัวหน้าและทุกคน ซึ่งจะช่วยให้มีโอกาสเติบโต แจ้งเกิดในสายอาชีพได้มากขึ้น แม้จะเป็นช่วงที่อยู่ในสถานการณ์วิกฤตก็ตาม







