“StrengthsFinder” หรือ “เจาะจุดแข็ง” คือหนึ่งในหนังสือดีที่ทุกคนควรอ่านสักครั้งในชีวิต เพราะจะทำให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้น รู้ว่าจุดแข็งของตัวเราคืออะไร และนำไปใช้ในการทำงานให้ประสบความสำเร็จได้ง่ายและไวขึ้นกว่าเดิม โดยแนวคิดสำคัญของ StrengthsFinder ที่จำเป็นต่อทุกเป้าหมายในชีวิตการทำงาน ได้แก่
1.แต่ละคนมีจุดแข็งที่แตกต่างกัน
เด็กคนหนึ่งอยากเป็นนักบาสเก็ตบอลที่เก่งกาจเหมือนไมเคิล จอร์แดน แต่แม้จะพยายามฝึกซ้อมอย่างหนักทุกวันต่อเนื่องหลายปี ก็ไม่สามารถเป็นอย่างไมเคิล จอร์แดนได้ เหตุผลเพราะความพยายามอย่างเดียวไม่สามารถทำให้เราเป็นได้อย่างที่ฝัน เพราะพรสวรรค์ของคนเรา ความสามารถของคนเรานั้นแตกต่างกัน
คนที่ไม่ถนัดเลข ยากที่จะประสบความสำเร็จในอาชีพนักบัญชีได้ หรือแม้กระทั่งไมเคิล จอร์แดนเอง ถ้าเปลี่ยนมาเล่นกอล์ฟ ก็อาจไม่ประสบความสำเร็จเหมือนกับที่เล่นบาสเก็ตบอลได้เช่นกัน ดังนั้น เราจึงต้องหาจุดแข็ง ความถนัดของตัวเองให้เจอ เพื่อเดินหน้าสู่ความสำเร็จได้ง่ายขึ้น
2.เราไม่สามารถเป็นทุกอย่างที่อยากเป็นได้
พนักงานขายคนหนึ่งมีทักษะในการขายชั้นยอด ขายเก่งมาก ทำยอดได้ดีมาก แต่เขาอยากที่จะเป็นผู้จัดการฝ่ายขาย จึงพยายามศึกษาหาความรู้ด้านการบริหารจัดการคน ตั้งใจอ่านหนังสือ ไปศึกษาดูว่าหัวหน้าที่ดี ผู้นำที่เก่งเป็นอย่างไร เพื่อเขาจะได้เป็นผู้จัดการฝ่ายขายที่เก่งได้เหมือนกัน
แต่เมื่อได้ทำงานเป็นผู้จัดการฝ่ายขาย 2 ปี เขาก็ตระหนักได้ว่า ตัวเองไม่ใช่คนที่มีความสามารถด้านการพัฒนาบุคลากร การบริหารคนไม่ใช่ Natural Talent หรือ พรสวรรค์ที่ติดตัวมา การใช้เวลาไปกับการพยายามเป็นผู้จัดการ ซึ่งไม่ใช่ตัวตนของเขา จึงไม่ประสบความสำเร็จ กลับกันที่เมื่อเขากลับไปขาย ก็ทำได้ดีมากกว่า ประสบความสำเร็จ และช่วยเหลือผู้คนได้มากกว่า
ดังนั้น การเป็นในสิ่งที่ตัวเราเป็นและทำได้ดีตามธรรมชาติ จึงเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ความสำเร็จมากกว่า ดังคำกล่าวที่ว่า You Cannot Be Anything You want to be, but You can be a lot more of who you already are. หรือ เราไม่สามารถเป็นในทุกสิ่งทุกอย่างที่เราอยากจะเป็นได้ แต่เราสามารถเป็นได้ดีที่สุดในสิ่งที่เราเป็นอยู่แล้ว
3.หาพาร์ทเนอร์มาเสริมจุดด้อย แทนที่จะพัฒนาจุดด้อยของตัวเอง
เฮคเตอร์เป็นช่างทำรองเท้าที่เก่งมาก จนทั่วโลกกล่าวขานว่าเขาเป็นนักทำรองเท้าที่เก่งที่สุด ใครที่อยากได้รองเท้าดี ๆ ก็ต้องมาซื้อที่เขา ด้วยความเก่งของเฮคเตอร์ เขาสามารถทำรองเท้าได้สูงสุดวันละ 100 คู่ แต่ในการทำงานจริง ๆ นั้น ทำได้เพียงแค่ 30 คู่ต่อวัน เพราะต้องเสียเวลาไปกับการขาย การทำเอกสาร การเงิน บัญชีต่าง ๆ
ซึ่งแม้เขาจะพัฒนาตัวเองให้เก่งด้านอื่นแค่ไหน ทำได้เร็วขึ้นเพียงใด ก็ยังลดทอนศักยภาพในการทำรองเท้าของเขาลงอยู่ดี จนวันหนึ่งเฮคเตอร์ได้เจอกับเซอร์จิโอ นักขายและนักการตลาด พวกเขาจับมือกันโดยเซอร์จิโอมาเสริมจุด้อยให้เฮคเตอร์ด้านการขาย การทำตลาด และการเงิน จึงทำให้สามารถผลิตรองเท้าได้ 100 คู่ต่อวันเหมือนกับที่ตั้งเป้าไว้ และบริษัทก็เติบโตประสบความสำเร็จด้วยดี
ความจริงของเรื่องนี้สะท้อนให้เราเห็นว่า ในการจะประสบควมสำเร็จนั้น เราต้องรู้จักเลือกพาร์ทเนอร์ให้ถูกต้อง เลือกพาร์ทเนอร์ที่มาเสริมจุดด้อยเรา แทนที่จะไปเสียเวลาพัฒนาจุดด้อยของตัวเอง ซึ่งกระบวนการนี้จะเกิดได้ เราก็ต้องรู้จุดแข็ง รู้ว่าตัวเองทำอะไรได้ดีที่สุดก่อน แล้วค่อยหาคนอื่นมารับหน้าที่ส่วนที่เหลือแทน
เมื่อเรารู้ว่าจุดแข็งของเราคืออะไร เราเกิดมาเป็นอย่างไร เราจะสามารถดึงเอาพรสวรรค์ เอาพลัง ความสามารถและศักยภาพตรงนั้นมาใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งยิ่งเราใช้จุดแข็งมาก ๆ จุดแข็งของเราก็จะยิ่งพัฒนาเติบโตโดดเด่นขึ้น เราจะเชี่ยวชาญมากขึ้นจนมีโอกาสประสบความสำเร็จได้ง่ายกว่า การแบ่งเวลาและความทุ่มเทที่มีไปทำสิ่งที่ไม่ถนัดไปพัฒนาจุดด้อย
ที่สำคัญคือ การที่เราได้ทำในสิ่งที่เป็นจุดแข็งที่เราถนัดเราชอบ จะทำให้เกิดความภูมิใจ และตกหลุมรักในสิ่งที่ทำมากขึ้น ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการมุ่งหน้าสู่ความสำเร็จ เพราะแม้เราจะเป็นเป็ด แต่หากเราเป็นเป็ดที่สุดยอดที่สุด อย่างเป็ดปักกิ่งแล้ว เราก็จะประสบความสำเร็จ จะไม่มีใครมาแทนที่หรือสู้เราได้อยู่ดี







