เมื่อกล้าที่จะ Say No

เมื่อกล้าที่จะ Say No ชีวิตก็จะ OK มีความสุขมากขึ้น

ในการทำงานร่วมกับคนนั้น บ่อยครั้งเราก็ไม่กล้าที่จะตอบปฏิเสธ ไม่กล้าที่จะยืนขึ้นเพื่อตัวเอง ด้วยรู้สึกเกรงใจ กลัวอีกฝ่ายเสียใจ กลัวเขาจะมองว่าเราไม่มีน้ำใจ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรเลยที่เราจะตอบปฏิเสธ กลับกันที่การ Say No นั้น มีส่วนสำคัญในการให้คุณค่ากับการ Say Yes ด้วยซ้ำ เพราะเมื่อเราบอกว่า ใช่ ได้ เดี๋ยวทำให้ เยอะเกินไป มันจะทำให้คำว่า “Yes” ของเราถูกลดทอนคุณค่าให้น้อยลง

ขีดเส้นการให้ความช่วยเหลือให้ชัด เพื่อให้โฟกัสตอบปฏิเสธได้ง่ายขึ้น

การจะ Say No หรือ ตอบปฏิเสธได้ง่ายขึ้นนั้น ต้องเริ่มต้นจากขีดเส้นการให้ความช่วยเหลือให้ชัดเจน ให้เรามองเห็นเกณฑ์ว่าอะไรที่ล้ำเส้นมากเกินไป โดยเมื่อไรที่รู้สึกว่าคนอื่นกำลังข้ามเส้นเราอยู่ตลอดเวลา เอารัดเอาเปรียบ ทำไม่ดีกับเรา จะได้กระตุ้นให้กล้าบอกปฏิเสธได้ง่ายขึ้น

ซึ่งถ้าขีดเส้นไว้ไม่ชัดเจนพอ เราก็จะยอมคนอื่นเสมอ จนตัวเองต้องเจ็บปวด โดยเวลาที่เรารู้สึกเจ็บปวดที่คนอื่นทำร้ายเรานั้น ก็เหมือนกับเขากำลังเอาออกซิเจนไปจากตัวเรา แต่ก็เป็นตัวเรานั่นแหละที่ให้เขาเอง เพราะเราขีดเส้นแบ่งการให้ความช่วยเหลือไม่ชัดเจนพอ

เมื่อคิดถึงความสุขของตัวเองมากขึ้น การ Say No ก็จะทำได้ง่ายขึ้น

เวลามีใครมาบอกกับเราว่า ขอยืมเงินหน่อยสิ ช่วยทำงานให้หน่อยสิ งานนี้เป็นงานด่วนหัวหน้าขอมา ฉันทำไม่เป็นช่วยทำหน่อยสิ แล้วเราปฏิเสธไม่เป็น ก็เลยช่วยเขาทำจน 2-3 ทุ่มก็ยังไม่เสร็จไม่ได้กลับบ้าน แม้การช่วยเหลือคนอื่นจะเป็นเรื่องดี แต่เราก็ต้องคิดถึงตัวเอง ทำเพื่อตัวเองด้วย เพื่อลูกและคนในครอบครัวที่กำลังรอเราอยู่ที่บ้านด้วย

โดยก่อนที่จะให้ออกซิเจนใคร เราควรต้องให้ตัวเองก่อน ให้คุณค่าและดูแลตัวเองให้ดีก่อน ไม่เช่นนั้นเราก็จะไม่มีวันมีความสุขได้จริง ๆ ทั้งนี้ การตอบปฏิเสธ หรือ การ Say No นั้น มุมหนึ่งคือพรอันยิ่งใหญ่ที่ทำให้เราได้มีความสุข เป็นคำสอน และเป็นแนวทางที่ดีให้กับคนอื่นด้วยซ้ำ เพราะทำให้พวกเขาได้เติบโตและพัฒนาตัวเองมากขึ้น ซึ่ง The Disease to please ของด็อกเตอร์ แฮเรียต บี. เบรเกอร์ เป็นหนังสืออีกเล่มหนึ่งเล่าเรื่องราวคุณค่าแห่งการตอบปฏิเสธไว้ได้อย่างละเอียดลึกซึ้งที่ควรค่าแก่การอ่านสักครั้งในชีวิต

เราจะกล้าปฏิเสธ Say No ได้หรือไม่ ทั้งหมดอยู่กับวิธีคิด คนใจดีชอบช่วยเหลือผู้อื่นก็พูดปฏิเสธได้ โดยเราต้องคิดให้ดีก่อนที่จะ Say Yes ต้องทบทวนดูให้ดีว่าครั้งสุดท้ายที่เรา Say No นั้นคือเมื่อไร ครั้งสุดท้ายที่เราคิดจะ Say No แต่เผลอ Say Yes ไปนั้นเป็นเพราะอะไร เพราะกลัวว่าจะไม่ใช่ที่รัก กลัวว่าคนอื่นจะเกลียด กลัวว่าจะถูกมองไม่มีน้ำใจ กลัวว่าจะไม่ได้ช่วยเหลือคนอื่น ฯลฯ วิธีคิดของเราจะต้องเปลี่ยนไป เพราะการทำงานกับคน เราต้องรู้จักกล้าที่จะปฏิเสธ เพื่อให้มุ่งหน้าไปหาผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ ไปสู่ชีวิตที่มีความสุขประสบความสำเร็จได้อย่างแท้จริง

บทความที่เกี่ยวข้อง